How Aromatherapy Works?
สุคนธบำบัดทำงานอย่างไร
มนต์เสน่ห์ของสุคนธบำบัด (Aromatherapy) อยู่ที่ความบริสุทธิ์ของ น้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) —สารสกัดจากพืชที่เข้มข้นซึ่งรวบรวมแก่นแท้ของธรรมชาติ ซึ่งสารเหล่านี้เป็นสารที่พืชสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์ต่างๆ เช่น เพื่อดึงดูดแมลงมาผสมเกสร หรือเพื่อปกป้องตนเองจากศัตรูภายนอกที่จะมาทำลาย โดยอาจมีการสร้างสารที่ป้องกันเชื้อก่อโรคที่มีกลิ่นหอมและระเหยได้ โดยในน้ำมันหอมระเหยหนึ่งชนิดนั้น จะประกอบด้วยสารประกอบที่มีความซับซ้อนจากธรรมชาติที่รวมตัวกันโดยมีองค์ประกอบทางเคมีตั้งแต่ 50 ถึง 500 ชนิด ซึ่งมีความแตกต่างกันของชนิดและปริมาณ องค์ประกอบเหล่านี้ก่อให้เกิดความเฉพาะตัวของกลิ่นในพืชแต่ละชนิด และเมื่อนำไปเข้าสู่กระบวนการสกัดในรูปแบบต่างๆ กันตามความเหมาะสมของพืชนั้น ๆ ให้ได้สาร ซึ่งจัดว่ามีความบริสุทธิ์เข้มข้นสูงจึงเรียกว่า น้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมายมหาศาลในหลายอุตสาหกรรม ทั้งในการป้องกันและรักษาโรค (อาทิ ปรับสมดุลของฮอร์โมน ลดความเครียด ช่วยนอนหลับ ช่วยระบบย่อยอาหาร ลดภูมิแพ้ ช่วยระบบการหายใจ) อุตสาหกรรมอาหาร การปฐมพยาบาลเบื้องต้น (ฆ่าเชื้อ) ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพความงาม (บำรุงผิวและเส้นผม) ตลอดจนประโยชน์ที่นำมาใช้ในครัวเรือน (การไล่แมลง การทำความสะอาดเครื่องเรือน หรือ กลิ่นปรับอากาศ) เป็นต้น
โดยน้ำมันหอมระเหยเหล่านี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 3 วิธีหลัก:

การสูดดม (Inhalation)
ประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นของมนุษย์ เป็นประสาทสัมผัสที่มีความไวและทรงพลังมากกว่าประสาทสัมผัสอย่างอื่น (ตา หู จมูก ลิ้น) กลิ่นทำให้เรานึกถึงประสบการณ์ชีวิตบางช่วงในอดีต ผสมผสานความทรงจำเก็บเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งดีและไม่ดีได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยมีการทำงานเชื่อมโยงกับสมองส่วนต่าง ๆ และกระบวนการการทำงานของระบบประสาท และการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ (ผลิตฮอร์โมน)
เมื่อสูดดมโมเลกุลของน้ำมันหอมระเหย โมเลกุลเหล่านี้จะผ่านเข้าสู่จมูกและกระตุ้นระบบประสาทการดมกลิ่น ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับสมอง หลอดรับกลิ่นทำงานร่วมกับ สมองส่วนหน้า (Neocortex) และ ระบบลิมบิก (limbic System) ที่สามารถควบคุมการทำงานของสมองส่วน Amygdala, Hippocampus และ Hypothalamus ซึ่งควบคุมอารมณ์ ความทรงจำ และการตอบสนองต่อความเครียด ตลอดจน การทำงานของระบบต่อมไร้ท่อที่ควบคุมการหลั่งฮอร์โมนชนิดต่างๆในร่างกาย นอกจากนี้สารประกอบบางส่วนในน้ำมันหอมระเหย ยังสามารถทำงานร่วมกับ Neurotransmitter ในสมองเช่น GABA Serotonin Dopamine และ Oxytocin เป็นต้น

การดูดซึมทางผิวหนัง (Dermal Absorption/Topical)
เมื่อน้ำมันหอมระเหยถูกทาลงบนผิวหนัง (มักผสมในน้ำมันตัวพา หรือ Carrier Oil) น้ำมันจะซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่กระแสเลือด วิธีนี้มีประสิทธิภาพสำหรับการบรรเทาเฉพาะที่ หรือช่วยให้การไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้น และการดูแลสุขภาพผิ ตัวอย่างวิธีใช้ในการดูดซึมทางผิวหนั ได้แก่ การนวด การประคบ หรือการเติมน้ำมันในอ่างอาบน้ำ หรือผสมในครีมได้อีกด้วย วิธีนี้ทำให้นำมันสามารถเข้าสู่กระแสเลือดซึ่งมีผลต่อการบำบัดรักษาได้

การรับประทาน (Oral Ingestion)
ในบางกรณี น้ำมันหอมระเหยสามารถบริโภคในปริมาณเล็กน้อยและต้องอยู่ในความควบคุมของผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ เมื่อน้ำมันเข้าสู่ร่างกายทางระบบย่อยอาหาร จะถูกนำเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อประโยชน์ต่างๆในการรักษา แต่อย่างไรก็ตาม การใช้งานแบบรับประทานจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และควรใช้น้ำมันเกรดบำบัดเท่านั้น
จาก 3 วิธีการรับน้ำมันหอมระเหยเข้าสู่ร่างกาย วิธีที่น้ำมันหอมระเหยจะทำงานได้อย่างอย่างรวดเร็วที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุดคือ คือ การสูดดมกลิ่น (Inhalation) ของน้ำมันหอมระเหยที่มีผลโดยตรงต่อสมอง
The Botanique Lab
เราไม่ได้หยุดเพียงแค่การผ่อนคลาย
แต่สำรวจศักยภาพของศาสตร์ สุคนธบำบัด (Aromatherapy) ในด้านการบำบัดอย่างแท้จริง ไม่ว่าคุณจะมองหาความชัดเจนทางจิตใจ ความสมดุลทางอารมณ์ หรือการรักษาทางกาย ผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) ของเราถูกออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคุณ โดยเราเลือกน้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) เพื่อการใช้งานที่หลากหลาย ทำให้เป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี อาทิ
1. การผ่อนคลายและลดความเครียด: น้ำมันหอมระเหยอย่างลาเวนเดอร์ (Lavender) และเบอร์กามอท (Bergamot) ช่วยให้สงบและลดความวิตกกังวล
2. การบำบัดฮอร์โมน: น้ำมันอย่างคลารีเสจ (Clary Sage) และเจอเรเนียม (Geranium) ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนและลดอาการไม่พึงประสงค์
3. การสนับสนุนผู้ป่วยมะเร็ง: อโรมาเธอราพีช่วยบรรเทาอารมณ์ของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสี
4. ความทรงจำและสมาธิ: โรสแมรี่ (Rosemary) และเปปเปอร์มินต์ (Peppermint) ช่วยเพิ่มการทำงานของสมองและความจำ
5. การจัดการความเจ็บปวด: ยูคาลิปตัส (Eucalyptus) และคาโมมายล์ (Chamomile) ช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและอาการปวดศีรษะ
2. การบำบัดฮอร์โมน: น้ำมันอย่างคลารีเสจ (Clary Sage) และเจอเรเนียม (Geranium) ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนและลดอาการไม่พึงประสงค์
3. การสนับสนุนผู้ป่วยมะเร็ง: อโรมาเธอราพีช่วยบรรเทาอารมณ์ของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสี
4. ความทรงจำและสมาธิ: โรสแมรี่ (Rosemary) และเปปเปอร์มินต์ (Peppermint) ช่วยเพิ่มการทำงานของสมองและความจำ
5. การจัดการความเจ็บปวด: ยูคาลิปตัส (Eucalyptus) และคาโมมายล์ (Chamomile) ช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและอาการปวดศีรษะ